วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

5มหันตภัยจากจักรวาล รุกราน-ทำลายล้างโลกมนุษย์




"โลกสีฟ้า" หรือ "แพลเน็ต เอิร์ธ" ทุกวันนี้มีปัญหารุมเร้ามากมายและส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากน้ำมือ "มนุษย์" ผู้อยู่อาศัย

ทั้งการเผาผลาญทรัพยา กร การก่อมลพิษ-มลภาวะ วิกฤตสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

จนส่งผลก่อให้เกิดปรากฏ การณ์ร้ายแรงที่เรียกว่า "ภัยโลกร้อน" ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนไปทั่วทุกภูมิภาค
แต่ประชาคมโลกก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการความร่วมมือใดๆ ออกมาเป็นรูปธรรม

ขณะที่ "ฟิล เพลต" นักดาราศาสตร์และนักฟิสิกส์ชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านพยากรณ์จุดจบของโลก เตือนว่า

มนุษย์ไม่ต้องเร่งร้อนทำลายล้างโลกกันนักหรอก
เพราะสักวันหนึ่งในอนาคตโลกก็จะถึงจุดจบด้วยตัวมันเองอยู่ดีด้วยวิถีแห่งจักรวาล ฉะนั้นยามมีโอกาสหายใจอยู่บนโลกจงทะนุถนอมและช่วยกันดูแลรักษาเอาไว้เถิด โดยความเป็นไปได้ที่วงจรของจักรวาลจะทำให้เกิด "วันสิ้นโลก" ตามทัศนะของฟิลมี 5 ลักษณะด้วยกัน ดังนี้!



ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน

ฟิล เพลต ระบุว่า ในบรรดาวัตถุในห้วงอวกาศที่มีโอกาสพาโลกไปสู่หายนะสูงสุด ก็คือ

ดาวเคราะห์น้อย หรือ Asteroid

ปัจจุบันโลกตั้งอยู่ท่ามกลางแนวพุ่งชนของวัตถุในอวกาศน้ำหนักมากกว่า 100 ตัวเป็นประจำทุกวัน

และความเสี่ยงโดนพุ่งชนจนเกิดอันตรายร้ายแรง ตกประมาณ 200-300 ปีต่อครั้ง

1.ดาวละเบิด

2.แบล็กโฮล

"ถ้าคุณลองไปถามไดโนเสาร์ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วดูว่าดาวเคราะห์น้อยน่ากลัวขนาดไหน มันคงบอกให้คุณระวังตัวเต็มที่"

ฟิลกล่าว และว่า ในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหานี้ เช่น มีการรวมตัวในนามมูลนิธิ "บี 612" เพื่อระดมสติปัญญาหาทางป้องกันไม่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องเหลือแต่โครงกระดูกในพิพิธภัณฑ์เหมือนไดโนเสาร์

โดยวิธีขจัดไม่ให้ดาวเคราะห์น้อยก้อนมหึมาพุ่งชนใส่โลก ได้แก่ การส่งยานอวกาศไปชนหัวดาวเคราะห์น้อยดวงนั้นๆ เพื่อเปลี่ยนวงโคจรและส่งยานอีกลำไปสร้างแรงดึงดูด ดึงดาวเคราะห์น้อยออกไปให้ไกลจากโลก


ดาวระเบิด
เมื่อ "ดาวฤกษ์" ที่มีมวลขนาดใหญ่มากๆ ถึงจุดจบสิ้นอายุขัยนั้น จะเกิดปรากฏการณ์ "ซูเปอร์โนวา"

หรือการระเบิดที่ปลดปล่อยพลังงานและคลื่นรังสีออกมาจำนวนมหาศาล เมื่อมองจากกล้องโทรทรรศน์ดูสว่างวาบแสนสวยงาม แต่แฝงไปด้วยอันตราย ดวงดาว หรือวัตถุใดๆ ที่อยู่ใกล้จะได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ถึงขั้น "ตาย" ตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เคราะห์ยังดีที่โอกาสเกิดซูเปอร์โนวาใกล้ๆ โลกมนุษย์ถือว่ามีน้อยมาก คาดว่าช่วงเวลาใกล้ที่สุดที่โลกมีความเสี่ยงกระเด็นกระดอนเพราะซูเปอร์โนวา คือ เมื่อ 2-3 ล้านปีก่อน

ถามเมื่อรู้อย่างนี้แล้วจะป้องกันได้อย่างไร
คำตอบสั้นๆ จากฟิล คือ ไม่มี ฉะนั้นอย่ากังวลใจไปเลย ถ้ามันจะต้องเกิดขึ้นจริงๆ

ภาพลักษณะอาทิตย์ก่อนดับ


พระอาทิตย์ดับ

ดวงอาทิตย์ มีความสำคัญต่อโลกมนุษย์มากถึงมากที่สุด

ทำหน้าที่เป็นทั้งแหล่งให้พลังงาน แหล่งกำเนิดชีวิต และให้ความอบอุ่น แต่ในเชิงฟิสิกส์ประเมินกันว่า ขณะนี้วงจรชีวิตของดวงอาทิตย์ถ้าเทียบกับคนเราก็เดินมาถึง "ครึ่งทาง"แล้ว  (4.5 พันล้านปี)

พูดง่ายๆ ก็คือ เริ่มเข้ายุคนับถอยหลังสู่จุดจบ หรือยุคที่หมดสิ้นไม่เหลือหลอพลังงาน และ "ดับ" ไปกลายเป็นดาวสีแดงเฉยๆ "จากนี้คงเป็นหน้าที่ของเหลนๆๆๆๆๆและเหลน ที่ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาพระอาทิตย์ดับกันต่อไป"


"แบล็กโฮล" หลุมดำกลืนกินทุกสรรพสิ่ง

หนังฮอลลีวู้ดอาจสร้างความเข้าใจ-การรับรู้ผิดๆ เกี่ยวกับ "หลุมดำ" หรือ "แบล็กโฮล" ในห้วงจักรวาล ว่า

เป็นจอมอันธพาล ไล่ตระเวนกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าในอวกาศ โดยเฉพาะดาวเคราะห์ต่างๆ

แต่ความเป็นจริงหลุมดำก็มีทิศทางการโคจรใน "ทางช้างเผือก" เฉกเช่นเดียวกับดวงดาวอีกหลายแสนล้านดวง แต่อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่แบล็กโฮลหลุมใดหลุมหนึ่งอาจโคจรมาใกล้โลกมากจนเกินไป

ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงวงโคจรโลกจะเสียกระบวน ทำให้โลกหล่นตุ้บเข้าไปอยู่ในดวงอาทิตย์ หรือถูกกระแทกออกไปลอยคว้างอยู่ในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น (แล้วลองคิดดูเล่นๆ ก็ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น?)
มีความเป็นไปได้น้อย ที่แบล็กโฮลจะโผล่มากลืนโลกหายไปทั้งใบ หรือถ้ามาป้วนเปี้ยนแถวๆ นี้จริง น่าจะใช้เวลาอีกนับล้านล้านปีจุดจบตามกฎธรรมชาติทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายต้องเดินทางไปถึงจุดจบ

"จักรวาล" (Universe) ของเราเองก็หนีไม่พ้นกฎ หรือสัจธรรมข้อนี้

จากการคำนวณทางฟิสิกส์ ปัจจุบันจักรวาลของเรามีอายุประมาณ 13,000 ล้านปี แต่หลังจากนั้นไกลออกไปอีกนับล้านล้านปี ล้านล้านล้านปี หรืออภิมหาล้านล้านล้านปี ฯลฯ อะไรจะเกิดขึ้น


ดาวทั้งหลายจะ "ตาย" กันไปจนหมดสิ้น 

ถ้าทฤษฎีควอนตัมในวันนี้ถูกต้อง เมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่แบล็กโฮลยังจะระเหิดหายไป โปรตอนก็จะหมดซึ่งความเสถียรและสลายไปได้เช่นกัน

เท่ากับจักรวาลนี้ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ ยกเว้นการวิ่งชนกันไปมาอย่างบางเบาของอิเล็กตรอนกับโปรตอนท่ามกลางความว่างเปล่า

"คำแนะนำของผมก็คือ ในวันนี้ขอให้เราออกไปยืนมองท้องฟ้า อิ่มเอมกับการชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ พระจันทร์ และหมู่ดาว"  ฟิลกล่าวเป็นปริศนาธรรมส่งท้ายให้มนุษย์โลกร่วมกันขบคิดถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ในโลกและจักรวาล


แหล่งอ้างอิง 
 http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVE14TURnMU13PT0=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น